ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.95 คาดวันนี้แกว่งในกรอบ 33.90-34.05 รอปัจจัยใหม่กำหนดทิศทาง

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.95 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.99 บาท/ดอลลาร์
วันนี้ทิศทางค่าเงินบาทคงยังพักตัว แต่อาจจะอยู่ในกรอบที่สูงขึ้น เนื่องจากดอลลาร์หสรัฐมีข้อมูลด้านเศรษฐกิจเมื่อคืนนี้ที่เข้ามาสนับสนุนช่วยให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ทั้งนี้มองว่าวันนี้ตลาดยังไม่ได้มีปัจจัยใหม่ๆ ที่จะเข้ามามีผลมากนัก คงต้องรอดูปัจจัยที่จะเข้ามามีผลมากกว่านี้ ถึงจะทำให้เงินบาทมีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนขึ้น
"ดอลลาร์สหรัฐรีบาวด์ขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นระดับที่จะทำให้เป็นขาขึ้นที่ชัดเจน ตอนนี้ตลาดอยู่ใน mode รอดูว่า
จะมีปัจจัยอะไรเข้ามากระแทกแรงๆ เพราะตอนนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ" นักบริหารเงิน ระบุนักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.90-34.05 บาท/ดอลลาร์
* ปัจจัยสำคัญ
- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.10 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 109.72 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1150 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1162 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.8780 บาท/ดอลลาร์
- ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า ภายหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ส่งผลให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 1-1.25% ต่อปีว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเป็นเรื่องที่ตลาดมีการคาดการณ์ไว้ แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือการปรับลดการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐที่จะลดลง แสดงให้เห็นว่าสหรัฐจะลดแรงการกระตุ้นเศรษฐกิจให้น้อยกว่าเดิม มีนโยบายเข้มงวดไม่ผ่อนคลายเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจประเทศต่าง ๆ
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจอลิอันซ์ระบุเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพและจะเติบโตมากกว่า 3% ในปีนี้และปีหน้า ขณะที่ธุรกิจประกันชีวิตมีแนวโน้มโตต่อเนื่อง แม้จะชะลอตัวในตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แต่รายได้จากเบี้ยประกันคิดเป็นสัดส่วน 4.9% ของจีดีพี โตทียบเท่าเยอรมนี คาดว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตยังคงมีแรงส่งต่อเนื่องเฉลี่ยประมาณ 9.3% ต่อปี
- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 5-3 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ BoE ยังมีมติเอกฉันท์ให้คงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 4.35 แสนล้านปอนด์ และคงวงเงินซื้อหุ้นกู้ในภาคเอกชนที่ระดับ 1 หมื่นล้านปอนด์
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของอังกฤษเดือนพ.ค. ร่วงลง 1.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 0.8%
- ประธานยูโรกรุ๊ป แถลงภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มสหภาพยุโรปที่ลักเซมเบิร์กเมื่อวานนี้ว่า ยูโรกรุ๊ป
ได้บรรลุข้อตกลงที่จะอนุมัติการเบิกจ่ายเงินกู้งวดใหม่ให้กับกรีซในวงเงินสูงถึง 8.5 พันล้านยูโร (9.47 พันล้านดอลลาร์) เพื่อให้กรีซนำไปชำระหนี้ที่ใกล้ครบกำหนดชำระ
มติที่ประชุมยูโรกรุ๊ปเมื่อวานนี้นับเป็นความคืบหน้าสำคัญในการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้กรีซ หลังจากที่ยูโรกรุ๊ป, กองทุนการ
เงินระหว่างประเทศ (IMF) และรัฐบาลกรีซ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการประชุมยูโรกรุ๊ปครั้งก่อนเกี่ยวกับการบรรเทา
ภาระหนี้ โดยอุปสรรคสำคัญคือความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างยูโรกรุ๊ป และ IMF เกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ในระยะยาวของกรีซ
- เฟดเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมร่วงลง 0.4% ในเดือนพ.ค. หลังจากที่พุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนเม.ย.โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ร่วงลงในเดือนพ.ค. ได้รับผลกระทบจากการลดลงของการผลิตรถยนต์ คอมพิวเตอร์ และเซมิคอนดักเตอร์
- กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 8,000 รายใน
สัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 237,000 ราย จากระดับ 245,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า
- สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 2 จุด แตะระดับ 67
ในเดือนมิ.ย.
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (15 มิ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงิน
ดอลลาร์ และจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆเกือบทั้งหมด ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15
มิ.ย.) ขณะนักลงทุนซึมซับมติของที่ประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ครั้งล่าสุด ซึ่งได้ประกาศปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ย 0.25% โดยยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1154 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1217 ดอลลาร์ และ
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 110.84 เยน จากระดับ 109.64 เยน
- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง